Powered By Blogger

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

เพิ่มพลังความคิด

  


เพิ่มพลังความคิด
เพื่อบริหารชีวิตให้มีคุณภาพ
ฉลาดทางอารมณ์
แหลมคมทางปัญญา


หาโอกาสทำงานที่เรารักให้ได้
อย่ากอดงานที่เราแค่มีโอกาสทำไปตลอดชีวิต

ทุกคนรวยได้จากเงินเดือนน้อยนิด
ก็แค่ใช้ให้น้อยกว่าที่หามาได้เท่านั้นเอง

ไม่ต้องมีเงินลงทุนมากมาย
เริ่มต้นแค่หลักพันก็ทำธุรกิจเองได้
และน่าจะเป็นเจ้านายตัวเองสักครั้งให้ได้

แค่กล้าคิดกล้าตั้งความหวัง
นั่นก็คือการสร้างโอกาสให้ตัวเองแล้ว

ถ้ายังไม่เปิดใจในเรื่องใด
ก็อย่าเปิดปากวิจารณ์เรื่องนั้น

Opportunity seldom knocks twice.
โอกาสมิได้มาสองครั้ง

โอกาส ไม่ใช่ช่วงเวลาอันพิเศษ
มันคือช่วงเวลาธรรมดา ๆ
ที่เพียงแต่รอว่าจะมีคนตาดีมองเห็น
แล้วสร้างมันให้เป็นโอกาสได้เมื่อไร


ที่มา: 
คัดลอกมาจาก : ว.สุริยะไชย




วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

เงินไม่สำคัญเสมอไป

 
 
เงิน ซื้อเตียงนอนได้ แต่ซื้อการหลับเป็นสุขไม่ได้
เงิน ซื้อกระดาษปากกาได้ แต่ซื้อความเป็นกวีไม่ได้
เงิน ซื้ออาหารดีๆ ได้ แต่ซื้อความอยากรับประทานไม่ได้
เงิน ซื้อความประจบสอพลอได้ แต่ซื้อความจริงใจไม่ได้
เงิน ซื้อการตามใจได้ แต่ซื้อความจงรักภักดีไม่ได้
เงิน ซื้อเพชรนิลจินดาได้ แต่ซื้อความงามไม่ได้
เงิน ซื้อความสนุกชั่วคราวได้ แต่ซื้อความสุขไม่ได้
เงิน ซื้อเพื่อนร่วมเดินทางได้ แต่ซื้อเพื่อนแท้ไม่ได้
เงิน ซื้ออำนาจราชศักดิ์ได้ แต่ซื้อปัญญาไม่ได้                    
เงิน ซื้ออาวุธยุทธภัณฑ์ได้ แต่ซื้อสันติสุขไม่ได้
เงิน ซื้อเมียที่สวยได้ แต่ซื้อแม่ที่ดีให้ลูกไม่ได้
เงิน จะสำคัญเมื่อจำเป็นต้องใช้เท่านั้น

( โดย พระราชสุทธิญาณมงคล หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม )

คุณค่าในตัวเอง

      
 
แด่ ทุกท่านที่กำลังทำงานหนัก เพื่ออะไรบางอย่างในชีวิต
ข้อคิดและข้อปฎิบัติสำหรับผู้ต้องการเพิ่ม EQ ของตัวเอง :

หัดคิดแต่ด้านบวก 
...แล้วจะรู้ว่ามีแต่สิ่งที่เป็นไปได้

หัดฝัน
...แล้วจะรู้ว่าโลกนี้น่าอยู่

หัดพูดแต่ด้านบวก
..แล้วจะรู้ว่ามีคนอีกมากมายที่รักเรา

หัดยิ้ม
...แล้วจะรู้ว่าเราคือคนที่น่ารัก

หัดฟาดฟันกับอุปสรรค
...แล้วจะรู้ว่าเราคือคนที่เข้มแข็ง

ลองทน
...แล้วจะรู้ว่าเรามีความอดทนยิ่งกว่าใคร

ลองออกกำลังกายทุกวัน
...แล้วจะรู้ว่าเราคือมนุษย์เจ้าพลังคนหนึ่ง

ลองคิดเอาชนะ
...แล้วจะรู้ว่าเราสามารถเอาชนะ ตัวเองได้ไม่ยาก

ลองคิดให้ใหญ่
...แล้วจะรู้ว่าเรามีความสามารถอย่างน่าแปลกใจ

"อย่านำความผิดหวังของเมื่อวานมาบดบังความฝันในวันพรุ่งนี้"
 
 

เริ่มต้นวันใหม่กับสิ่งดีๆ+++

คนเราเกิดมาต้องเรียนรู้ ..
รู้ทุกสิ่ง รู้ทุกอย่าง ..
จงเปิดความคิด สมอง รับสิ่งใหม่ๆเข้ามา ..
แล้วคุณจะรู้ว่า .. โลกใบนี้กว้างกว่าที่คิด ..

ยิ้มรับสิ่งใหม่ๆเข้ามาในชีวิต ..
อย่ายึดติดกับสิ่งเก่าๆที่เลวร้าย ..
ลืม .. เถอะสำหรับเรื่องที่ทำให้เราเสียใจ ..
แล้วมาเริ่มต้นวันใหม่ .. กับสิ่งที่ดี .. ดี

อย่าคิดมาก ..นะถ้าเจออุปสรรค ..
เพราะมันเป็นบททดสอบความเข้มแข็งของเรา
มันจะทำให้เรา รู้ ในสิ่งที่เราไม่รู้ ..
ทำให้เราตาสว่างขึ้น .. ไม่งมงาย

แล้วนำบทเรียนต่างๆทั้งของตัวเราเอง .. และผู้อื่น ..
นำมาประยุกต์ใช้ .. ซะบ้าง ..
แล้ว .. ชีวิตคุณก็จะสมบูรณ์แบบมากขึ้น ..
เกิดมา ถ้าใครไม่เคยมีความทุกข์ .. คงเสียชาติเกิด ..

ยอมทุกข์วันนี้ .. เพื่อความสุขในวันหน้า

ลืมซะเถอะเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจ เสียใจ ..
เรื่องดีๆ ยังรออยู่ข้างหน้า ..
ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกที่จะเดินไปทางไหน

แล้วคุณล่ะ ? ? ?
อยากเดินทางที่มีความสุข หรือ อยากจมอยู่กับทางที่มีความทุกข์



วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

กษัตริย์ดีที่ต้องหวงแหน

              เจ้าฟ้าหญิงฯ มีพระดำรัสกับคณะคนไทยในเซี่ยงไฮ้ เมืองไทยมี 3 ดี "ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์" ต้องหวงแหน ปกป้องไม่ให้ใครทำลาย ทรงดำริเด็กต่ำกว่า 20 ปีไม่รู้ว่า "ในหลวง" ทรงงานเพื่อชาติหนัก
              
                "ประเทศไทยมีดี 3 ดี คือ ชาติดี ศาสนาดี พระมหากษัตริย์ดี และของอะไรที่มันดีอยู่แล้ว ถ้าเป็นของของเรา เราย่อมต้องหวงแหนเอาไว้ ปกป้องเอาไว้ เก็บเอาไว้อย่างดี ไม่ให้ใครมาทำลาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เท่าที่ข้าพเจ้าอยู่กับท่านมาตั้งแต่เด็ก เห็นทรงงานมาตั้งแต่ข้าพเจ้าเด็ก ๆ และเท่าที่ข้าพเจ้าจำได้ ข้าพเจ้าเริ่มออกตามเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรตั้งแต่ข้าพเจ้าอายุ 14 โดยข้าพเจ้าทำงานอยู่ในหน่วยแพทย์พระราชทาน ข้าพเจ้าเห็นว่าทรงงานหนักเพียงไร ท่านทรงดูทั้งเรื่องสุขภาพพลานามัยของประชาชน เรื่องอาชีพ ปากท้อง การเกษตรกรรม การชลประทาน การศึกษา ท่านดูครบทุกอย่าง"

         สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ มีพระดำรัสอีกว่า จริง ๆ แล้วถ้าเป็นคนที่อายุ 40  ขึ้นไปก็คงพอจะนึกออกถึงภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน แต่น่าเสียดายที่เด็กที่อายุต่ำกว่า  20  ปี ลงไป จะไม่รู้เลย เพราะมาโตตอนที่พระองค์ทรงพระชราแล้ว ทรงหมดกำลังแล้ว แต่ขนาดทรงหมดกำลัง ไม่ได้เสด็จฯ  ออกไปตรากตรำอย่างเดิม ไม่ได้หมายความว่าท่านไม่ใส่พระทัย ทรงใส่พระทัยตลอดเวลา ทรงเรียกงานมาทำ เรียกงานมาดู แม้แต่ประทับอยู่ รพ.ศิริราช ทุกวันนี้ ราชเลขาฯ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องก็ยังเข้าเฝ้าฯ ถวายงานให้ทรงมีพระราชวินิจฉัย ไม่ใช่เฉพาะงานในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่เป็นงานของต่างจังหวัดด้วย ซึ่งท่านใช้วิธีใช้ลูกทำแทนเท่าที่ทำได้ อย่างตัวข้าพเจ้าเองรับในแง่ของ พอ.สว. ซึ่งสมเด็จย่าเป็นผู้ริเริ่ม และข้าพเจ้าคิดว่าจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้


   ที่มา:  http://hilight.kapook.com/view/58205

บุคคลที่ไม่ยอมแพ้

รายการ อมยิ้ม ดูแล้วคุณจะหัวเราะ